“การจับปลาทู”
“การจับปลาทู” ของวิถีประมงพื้นบ้านทะเลนอก
หมู่1 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
ด้วยบ้านทะเลนอกเป็นพื้นที่หนึ่งที่จับปลาทูกันได้ตลอดปี แต่ปลาทูมีชุกชุมช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทำให้อวนปลาทูเป็นเครื่องมือประมงที่มีเกือบทุกลำเรือจากจำนวนเรือทั้งหมดร่วม 100 กว่าลำในชุมชนบ้านทะเลนอก เครื่องมือที่ใช้จับปลาทูเป็นอวนเขียวขนาดตา 4.3 เซนติเมตร อวนหนึ่งผืนมีความยาว 180 เมตร ลึกไม่เกิน 4 เมตร การออกจับปลาทูเรือลำหนึ่งจะใช้อวนประมาณ 10-30 ผืน
อันวา นิยมเดชา ประมงหนุ่มแห่งบ้านทะเลนอก การจับปลาทูนั้น บอกว่า "จะต้องออกช่วงเวลา 01.30 น.ออกจากฝั่งไปไกลถึง 10-20 ไมล์ทะเล (1ไมล์ประมาณ 1.8 กิโลเมตร) ใช้เวลาแล่นเรือประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไปกัน 2-4 คนต่อหนึ่งลำเรือ เมื่อไปถึงกลางทะเลจุดที่มีปลาทูต้องใช้เวลาในการวางอวนลงทะเลร่วม 1 ชั่วโมง อันว่าบอกว่า ถึงตอนนั้นก็ปาเข้าไปเวลา 05.00-06.00 น.เริ่มสว่างแล้ว จมอวนไว้ในทะเลประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วก็สาวอวนขึ้นจากทะเลใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง กรณีอวนติดปลาไม่มากใช้เวลา 2 ชั่วโมง เมื่อกู้อวนขึ้นจากทะเลเสร็จ ใช้เวลาแล่นเรือเข้าฝั่งประมาณ 3 ชั่วโมง ขากลับเข้าฝั่งจะเร็วกว่าช่วงออกไปวางอวน เพราะเรือประมงส่วนใหญ่ถ้าออกทำประมงไกลฝั่ง เรือหนึ่งลำจะใส่เครื่องยนต์จำนวน 2 เครื่อง ช่วงออกจากฝั่งไปวางอวน จะใช้เครื่องเดียว (ไม่รีบ) แต่ตอนแล่นเข้าฝั่ง(รีบ)จะใช้เครื่องยนต์ทั้งสองเครื่อง ทำให้ถึงฝั่งเร็วขึ้น (การนัดกับแม่ค้าที่มารับซื้อ หรือชาวประมงต้องนำปลาไปขายเองตามตลาดนัดวันต่อวัน)
ปลาทูเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ ส่งผลให้ปลาทูมีราคาดี และรสชาติอร่อยสามารถปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ปลาทูนึ่ง น้ำพริกปลาทู แกงส้มปลาทู ปลาทูทอด หรือปลาทูเค็ม เป็นต้นจึงเป็นที่ต้องการของตลาดและกลุ่มผู้บริโภค ปลาทูมีราคาที่แตกต่างกันไปตามขนาดของปลาทู กล่าวคือ ปลาทูใหญ่ขนาด 7-9 ตัว/กิโลกรัม ราคา 120-160 บาท ปลาทูกลางขนาด 10-14 ตัว/กิโลกรัม ราคา 80-120 บาท อันวาบอกทิ้งท้ายว่า ปลาทูที่จับโดยประมงพื้นบ้านรับรองถึงความสด ความสะอาด และปราศจากการใช้สารเคมีในการรักษาคุณภาพสัตว์น้ำอย่างแน่นอน
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
" กุ๊งกิ๊ง"
มารู้จักกุ๊งกิ๊งเครื่องมือจับหมึกสายของวิถีประมงพื้นบ้านสวนกง ต.บ้านนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา "มูสา" ชาวประมงพื้นบ้านหนุ่มแห่งบ้านสวนกง อธิบายลักษณะของ"กุ๊งกิ๊ง" ว่าทำมาจากเปลือกหอยสังข์ตกแต่ง เจาะรูผูกเชือกเอ็นเป็นราวเส้นหนึ่งยาวประมาณ 800-1,000 เมตร ผูกเปลือกหอยมีความห่างระหว่างเปลือกหอย 1-2 เมตร ราวหนึ่งผูกเปลือกหอยประมาณ 100-150 ลูก ปัจจุบันเพื่อความสะดวก จะนำขวดผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัด หรือขวดยาหอม สามารถนำมาแทนเปลือกหอยสังข์มากขึ้น มูสาบอกอาชีพจับหมึกสายจะออกทะเลเพียงคนเดียว ชุมชนบ้านสวนกงใช้กุ๊งกิ๊งประมาณ15ลำ ใช้โดยเรือไฟเบอร์แล่นออกจากฝั่งเพียง1-3 ไมล์ เพื่อแช่กุ๊งกิ๊งให้ติดพื้นทะเล โดยจะออกไปวางกุ๊งกิ๊งช่วงใดก็ได้แต่ต้องทิ้งไว้1คืน เมื่อถึงช่วงเช้าเวลาประมาณ 6.00-7.00 น.ออกจากฝั่งไปยกกุ๊ง กิ๊งถ้าหมึกสายติดขึ้นมาก็ใช้มือดึงออกมา (ภูมิปัญญาด้วยหมึกสายเมื่อเข้าไปอยู่ในเปลือกหอยจะเกาะแน่นดึงยากต้องใช้น้ำเกลือฉีดเข้าไปในเปลือกหอยถึงจะดึงออกได้ง่ายขึ้น) จะเข้าถึงฝั่งเวลาประมาณ 10.00น.-11.00 น. หมึกสายชุกชุมช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะหยุดออกทำประมงช่วงมรสุมราคาหมึกสายริมทะเลกิโลกรัมละ 70-80 บาท เมนูเด็ด"หมึกสายลวกหรือย่าง น้ำจิ้มซีฟู๊ด"
มูสาให้ข้อมูลทิ้งท้ายไว้อย่างภูมิใจว่า อาชีพประมงหาเงินง่าย แถมมีเวลาได้พูดคุยกับชาวประมงด้วยกันตามวงน้ำชา กาแฟในหมู่บ้าน มีเวลาพักผ่อนมากมายเพราะใช้เวลาทำประมงเพียง 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น มูสาบอกว่าตนยังจมไซปลาจำนวน 3 ลูกค้างคืนไว้ 2-3 คืนยกขึ้นมา1ครั้ง วันนี้มูสา ลองยกไซขึ้นมา1ลูกติดปลานำไปขายแม่ค้าในหมู่บ้านได้เงิน300บาทประมงหาเงินง่ายจริงๆดังที่มูสาพูด สัตว์น้ำสมบูรณ์ที่ทะเลบ้านสวนกง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
" การจับปูม้า "
วันนี้มารู้จักการจับปูม้าในทะเลอ่าวไทยของประมงพื้นบ้าน หมู่ 1 บ้านทะเลนอก ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
การจับปูม้าโดยอวน อวนปูม้ามีลักษณะขนาดตาอวน 11-12 เซนติเมตร จะติดปูที่มีขนาดเหมาะสม ปูตัวเล็กจะไม่ติดขึ้นมา เพราะขนาดเนื้ออวน มีความกว้างลูกปูสามารถลอดหลุดได้ ความยาวของอวนต่อผืน 150 เมตร บ้านทะเลนอกมีเรือจำนวน 5-7ลำที่ใช้อวนปูม้า ซึ่งเรือลำหนึ่งๆจะมีมากกว่า 1 ผืน จุดวางอวนชาวประมงออกจากชายฝั่งออกไป 5-10 ไมล์ทะเล ( 1ไมล์เท่ากับ 1.8 กม.) ระดับน้ำมีความลึก 15-17 เมตร
สำหรับการดักเนื้ออวนต้องติดพื้นทะเล เพราะปูม้าอาศัยหากินติดพื้นทะเล ช่วงระยะการออกวางปูม้าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืนก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของคลื่นลม เมื่อวางอวนเสร็จแล้วก็จะกลับเข้าฝั่ง โดยจะต้องจมอวนไว้ 2-3 วัน แล้วชาวประมงถึงจะออกไปกู้อวนนำปูม้าขึ้นมา
ปูม้าจะจับได้ตลอดปี แต่มีความชุกชุมมากช่วงหน้ามรสุม ประมาณเดือน ตุลาคม-มกราคม "บังหมี" ชาวประมงบ้านทะเลนอกบอกว่า ในชนิดเครื่องมือการจับสัตว์น้ำ อวนปูม้าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่มีอายุการใช้งานระยะสั้นมาก กล่าวคือ เนื้ออวนจะโดนก้าม ขาปูพันเกี่ยวจนขาดชำรุด หากติดปูจำนวนมากก็ขาดชำรุดมาก ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมได้
ดังนั้น อวนผืนหนึ่งๆจะนำไปดักจับปูม้าได้้ไม่่เกิน 3-4 ครั้้ง ก็ต้องซื้ออวนใหม่ แต่ปูม้าถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด และผู้บริโภค ราคาปูม้า กิโลกรัมละ 300-450 บาท (ปูขนาดกลาง 5-7 ตัว/กก.และปูขนาดใหญ่ 3-4 ตัว/กก.) แต่ในช่วงเทศกาลราคาจะสูงขึ้นมากกว่าปกติ
การสังเกตลักษณะในการเลือกซื้อปูม้า การจับประมาณน้ำหนักตัว จะสามารถประมาณได้ว่าปูตัวนั้นๆจะมีเนื้อแน่น หรือมีไข่ คือ ปูตัวผู้มีลักษณะ2ก้ามใหญ่ และอีกวิธีหนึ่งถ้าหงายท้องปูตัวผู้ใต้ท้องเป็นรูป3เหลี่ยมทรงเจดีย์ยาวเรียวกว่าปูตัวเมีย
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
" บ้านทะเลนอก "
ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่1ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มีเรือจำนวน500กว่าลำ ทั้งเรือหัวสิงห์ เรือมาดและเรือไฟเบอร์ โดยมีการใช้เครื่องมือประมงจับสัตว์น้ำตามฤดูกาล เช่น อวนปลาทู อวนกุ้ง อวนปลาอินทรี หรืออวนปู อวนปลาหมึกกระดอง เป็นต้น
ในส่วนประเภทปลาทู ปลาแดง และปลาตาโตจะใช้อวนชนิดเดียวกันปลาเหล่านี้จับได้ตลอดปี และช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนจะมีปลาดังกล่าวชุกชุมเป็นจำนวนมาก
ส่วนการวางอวนปลาอินทรีจะต้องเป็นคืนเดือนมืด เพราะปลาจะติดเพราะมันไม่เห็นเนื้ออวนนั่นเอง ปลาที่จับโดยประมงพื้นบ้านทะเลนอก จะมีความสด ปลอดการแช่สารฟอร์มาลีน เพราะช่วงการออกทำประมงไม่ได้ค้างอยู่ในทะเลหลายวัน เช่น การจับปลาทู จะต้องออกทะเลในช่วงเวลา 18.00 น.และกลับเข้าฝั่งในช่วงเวลา09.00 - 12.00 น. ทั้งนี้ช่วงเวลาการออกทำการประมงนั้น จะไม่แน่นอน เพราะจะขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลของสัตว์น้ำแต่ละชนิดนั้นๆด้วย
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
" การเลี้ยงปลาเก๋าในกระชัง "
ปัจจุบันปลาเก๋าราคาดีเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้บริโภค แม่ค้าคนกลางเข้ามารับซื้อส่งไปต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย "ทองส้อง แสงมณีประดับ" เป็นผู้ริเริ่มการเลี้ยงปลาเก๋าอันดับต้นๆ ของบ้านทะเลนอก บ่งบอกว่าสมัยก่อน เมื่อย้อนไปประมาณ 40 ปี ปลาเก๋าตามธรรมชาติมีชุกชุมทะเลหน้าบ้าน แต่ไม่มีราคาและไม่เป็นที่ต้องการ ไม่มีใครนิยมกินกัน
ซึ่งการเลี้ยงปลาเก๋าในปัจจุบัน ต้องอาศัยทั้งเงินทุนซื้ออาหารกับลูกปลาเก๋า และภูมิปัญญา การไปดักจับลูกปลาเก๋าในทะเล เพื่อลดต้นทุน
โดยน้าทอง (ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่) กล่าวว่าตนใช้ไซไปดักจับลูกปลาเก๋าในทะเลห่างจากฝั่งไปประมาณ 1 กิโลเมตร จมไซไว้ 1-3 วัน จึงจะไปกู้ไซขึ้นมา ปลาเก๋าชุกชุมช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม บางครั้งติดไซมากถึง70-80 ตัวด้วยลูกปลาเก๋าในปัจจุบันมีราคาสูงกล่าวคือ ขนาด 4-5 นิ้ว ตกอยู่ที่ตัวละ 15 บาท ขนาด 8-10 นิ้ว ตัวละ 40 บาท กระชังขนาด 4x4 เมตร ใส่ลูกปลาเก๋าไม่เกิน 300 ตัว ปลาเป็ดที่ทำเป็นเหยื่อลูกปลาเก๋า กิโลกรัมละ 13 บาท อายุการเลี้ยงปลาเก๋า 1ปีกว่าๆ สามารถจับขายได้ ขนาดปลาเก๋าเป็นที่ต้องการของตลาด คือ ขนาดตัวที่มีน้ำหนัก 8 กรัมถึง 1.2 กิโลกรัม ราคาก่อนไม่มีโควิด 19 กิโลกรัมละ 240-250 บาท ราคาเกิดโควิด 19 กิโลกรัมละ 180-200 บาท
ซึ่งปัจจุบันปลาเก๋ามีทั้งแบบเลี้ยงในกระชัง และอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในทะเล ราคาก็จะแตกต่างกันไป ประมงพื้นบ้านสร้างอาชีพ มีรายได้ ควบคู่การอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลสืบไปในอนาคต
เรื่องโดย Jumrat Wangmanee
“การใช้อวนจับปลาหมึกกระดอง”
“บังหมี” นายดลหะหรีม บินหมาน นายกสมาคมประมงพื้นบ้านอำเภอสิงหนคร บอกว่าตนมีเครื่องมือประมงจับสัตว์น้ำหลายประเภท เช่น อวนปลาทู อวนกุ้งแชบ๊วย อวนปลาจะละเม็ด และอวนปลาหมึกกระดอง ซึ่งจะทำการออกทะเลจับสัตว์น้ำตามฤดูกาล เช่น ฤดูปลาทูก็ใช้อวนปลาทู หรือฤดูกุ้งแชบ๊วยก็ใช้อวนกุ้ง
วันนี้มารู้จักการจับปลาหมึกกระดอง ด้วยอวน (อวนจม) ขนาดตาอวน 7-9 เซนติเมตร บังหมีบอกว่า ตนมีอวนปลาหมึกอยู่จำนวน 60 ผืน ลักษณะอวนแต่ละผืนมีความยาวประมาณ 80 เมตร มีความลึกประมาณ 3 เมตร ราคาอวนที่ซื้อพร้อมใช้งานราคาผืนละ 1,200 บาท เครื่องมือประมงเมื่อทำการออกวางอวนปลาหมึกกระดองแต่ละครั้ง ประกอบด้วยเรือท้ายตัด ความยาว 8-10 เมตร ความกว้าง 1.90-2 เมตร ใช้เครื่องยนต์ยันม่า 11 แรงม้า ใช้แรงงาน 2-4 คน
โดยแบ่งช่วงเวลาการออกทำประมงฤดูกาลปลาหมึกกระดอง ออกเป็น 2 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 ออกจากฝั่งช่วงเช้าเวลาประมาณ 05.00 น.(เป็นช่วงเดือนมืด) ห่างจากฝั่งประมาณ 4-6 ไมล์ทะเล (1 ไมล์ = 1.852 กิโลเมตร) ใช้เวลาในการแล่นเรือไปถึงจุดวางอวนประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้เวลาในการวางอวนประมาณ 1 ชั่วโมงให้อวนจมแช่น้ำทะเลไว้3-4ชั่วโมง แล้วทำการทยอยกู้อวนขึ้นมาแต่ละผืนจนหมด เสร็จจะแล่นเข้าฝั่งช่วงเวลา 15.00-18-00 น. ความช้าเร็วขึ้นอยู่กับว่าอวนจะติดปลาหมึกมากน้อย ถ้าติดปลาหมึกมากวันนั้นก็จะเข้าฝั่งช้า
ช่วงที่ 2 ออกวางอวนช่วงเวลา 15.00 น. เป็นช่วงเดือนสว่าง วางอวนเสร็จกลับเข้าฝั่ง เช้าตรู่ค่อยออกไปกู้อวนขึ้นมาจากทะเลแล้วกลับเข้าฝั่งช่วงเวลาประมาณ 11.00-12.00 น. บังหมีบอกว่าฤดูกาลจับปลาหมึกกระดองชุกชุมมากช่วงเดือน กุมภาพันธ์- เมษายน แต่ต้องออกจากฝั่ง่ไปประมาณ6-8 ไมล์ทะเล ระดับน้ำลึกสุด 16 เมตร ส่วนราคาปลาหมึกกระดอง(ริมทะเล)กิโลกรัมละ 80-100 บาท
บังหมี กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "ปัจจุบันสัตว์น้ำลดลงมาก พวกตนซึ่งเป็นประมงพื้นบ้านต้องร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ทำซั้งกอ (บ้านปลา) ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ หรือทำเขตอนุรักษ์สัตว์น้ำ เพื่อให้สัตว์น้ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้ชาวประมงมีอาชีพ มีรายได้" โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เข้ามาหนุนเสริมกิจกรรมดังกล่าว เช่น สมาคมรักษ์ทะเลไทย กรมประมง หรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
เครื่องมือประมงอวนปลาอินทรี
"บังโหมด" 1ในทีมวิจัยฟื้นฟูฯชายฝั่ง วันนี้เรามารู้จักเครื่องมือประมงอวนปลาอินทรีกันครับ ลักษณะอวนลอยปลาอินทรีขนาดตาอวน 9เซนติเมตร ความยาว 50 เมตร ความลึก 6 เมตร ราคาผืนละ 2,000-2,200 บาท บังโหมดบอกว่าต้องใช้ลูกเรือ1-2 คนออกช่วงเดือนมืดไปวางอวนห่างจากฝั่ง 10ไมล์ขึ้นไป (1ไมล์=1.8กิโลเมตร) ระดับน้ำลึก 10-20 เมตร ออกจากฝั่งตั้งแต่เวลา 16.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง ไปถึงจุดวางอวนแช่จมไว้ในทะเลประมาณ 4 ชั่วโมง ยกอวน1ครั้งนำอวนขึ้นมาว่าติดปลาไหม หากจุดนั้นมีปลาชุมก็จะนำอวนจมในทะเลต่อ แต่หากจุดนั้นไม่มีปลาก็จะย้ายจุดวางอวน ปัจจุบันปลาอินทรีเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจเป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
อวนปลาอินทรีติดปลาขนาดน้ำหนักตั้งแต่ 1.5 – 8 กิโลกรัม และจะมีปลาชนิดอื่นๆติดมาด้วยเช่น ปลาสาก ปลาโทง ปลากุเรา ตอนต่อไปรู้จักอวนปลาทูกัน
เรื่องโดย : Jumrat Wangmanee
ฤดูกาลปลาอินทรีช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม
ประมงพื้นบ้านทะเลนอก
ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา
เชื่อไหมครับว่าทะเลไทยยังสมบูรณ์ ฤดูกาลปลาอินทรีช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ประมงพื้นบ้านทะเลนอก ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ออกวางอวนปลาอินทรี ตั้งแต่เวลา 16.00 น. กลับเข้าฝั่งเช้าตรู่ของอีกวัน บางวันได้ปลาอินทรีน้ำหนักร่วม 100-200 กิโลกรัม มีรายได้ร่วม20,000-30,000 บาท ขนาดตาอวน 9เซนติเมตรไม่ได้ติดแค่ปลาอินทรีแต่ติดปลาอื่นๆมาด้วย เช่น ปลาโฉมงาม ปลาดาบ ประมงพื้นบ้านจับปลาตัวโตๆปลาอินทรีส่วนใหญ่น้ำหนักปลาตัวละ2กิโลกรัมขึ้นไป จับปลาอย่างรับผิดรับชอบฯประมงพื้นบ้าน ประมงยั่งยืน
Cr.อัปดุลเหล๊าะ นิยมเดชา